Kin price

KIN

#833

Kin Token เข้าสู่การหมุนเวียนผ่านสิ่งจูงใจที่เรียกว่า Kin Rewards Engine หรือ "KRE" ซึ่งให้รางวัลแก่นักพัฒนาที่สร้างประสบการณ์การมีส่วนร่วมของผู้ใช้ที่น่าสนใจด้วย Kin ซึ่งนำเสนอโมเดลการสร้างรายได้จากซอฟต์แวร์ที่กระตุ้นให้มีการนำกรณีการใช้งานใหม่ ๆ มาใช้และสร้างมูลค่าให้กับคริปโตเคอร์เรนซี ตลอดจนส่งเสริมการแลกเปลี่ยนมูลค่าระหว่างผู้ใช้ ซึ่งต่างจากการเก็บเกี่ยวข้อมูลและความสนใจของผู้ใช้โดยไม่มีประโยชน์ต่อผู้ใช้เอง ทางเลือกใหม่นี้จะปรับให้ผู้ใช้และนักพัฒนาได้แชร์เศรษฐกิจดิจิทัลร่วมกัน ซึ่งผู้สร้างเนื้อหาและนักพัฒนาที่สร้างมูลค่าเป็นเพียงจุดสนใจไม่ใช่ผู้ที่ผูกขาดข้อมูลขนาดใหญ่เพียงกลุ่มเดียว

Kin blockchain ทำงานโดยอัตโนมัติผ่านแบบจำลองแบบสหพันธ์ ซึ่งปัจจุบันประกอบด้วยเครือข่ายการตรวจสอบความถูกต้องที่กระจายอยู่ทั่วโลก ถึง 11+ เครือข่าย เพื่อรักษามาตรฐานการป้องกันข้อผิดพลาด ในขณะเดียวกันก็ทำให้ค่าธรรมเนียมนั้นมีเพียงเล็กน้อยแต่ให้ความเร็วในการยืนยันที่รวดเร็วขึ้น ข้อมูลประจำตัวของผู้ให้ดำเนินการเป็นข้อมูลลับเพื่อรักษาความปลอดภัยในการปฏิบัติงาน แต่ผู้ให้บริการนั้นมีความอิสระในการทำงาน, มีความน่าเชื่อถือ รวมถึงมีประวัติทีดีในแง่ความพร้อมใช้งานและการบำรุงรักษา

ระบบของการกระจายและอัลกอริทึมของ Kin Rewards Engine อยู่ภายใต้การดูแลของ Kin Foundation ซึ่งเป็นองค์กรไม่แสวงหาผลกำไรที่ตั้งอยู่ในออนแทรีโอ ประเทศแคนาดา Kin ที่ไม่ได้ถูกแจกจ่ายจะถูกจัดเก็บในคลังซึ่งควบคุมด้วยปัจจัยของช่วงเวลาการให้สิทธิ, หลักเกณฑ์อัตราเงินเฟ้อและการควบคุมดูแลเพื่อให้แน่ใจว่ามีการโอนเงินอย่างปลอดภัยและมีการใช้เงินอย่างเหมาะสม นอกจากนี้ยังมีบริการการรับประกันในการป้องกันสแปมและการต่อต้านการฉ้อโกงจนกว่าจะถึงเวลาที่ทำการแจกจ่าย ซึ่ง Kin สามารถดำเนินการได้โดยอัตโนมัติในมาตรการป้องกันเพิ่มเติมเหล่านั้น ไม่เคยมี Kin เกิน 10 ล้านล้าน ในระบบนิเวศของมันเมื่อสิ้นสุดระยะเวลาการแจกจ่ายอุปทาน เนื่องจากอุปทานขนาดใหญ่มีจุดมุ่งหมายเพื่อให้ผู้ใช้จำนวนมากทั่วโลกได้ใช้งาน ในขณะที่ยังคงทำธุรกรรมในรูปแบบจำนวนเต็มไม่มีทศนิยม

Kin (KIN) โดดเด่นในฐานะสกุลเงินดิจิทัลที่ออกแบบมาเพื่อการทำธุรกรรมทั่วโลกอย่างไร้รอยต่อ โดยไม่ต้องพึ่งพาตัวกลาง เปิดตัวในปี 2017 โดย Kik Inc. Kin เริ่มต้นบนบล็อกเชน Ethereum ก่อนที่จะย้ายไปยัง Solana ในปี 2020 การย้ายไปยัง Solana นี้ช่วยเพิ่มความสามารถในการขยายตัวของ Kin ทำให้สามารถทำธุรกรรมได้เกือบจะทันทีด้วยค่าธรรมเนียมที่น้อยมาก ในขณะที่ยังคงรักษาผลกระทบคาร์บอนสุทธิที่ 0% ซึ่งสอดคล้องกับแนวทางการพัฒนาที่ยั่งยืน

ระบบนิเวศของ Kin เติบโตขึ้นบนพื้นฐานของการกระจายอำนาจ โดยไม่มีหน่วยงานกลางที่ดูแลการพัฒนา แต่เป็นชุมชนผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทั่วโลกที่ขับเคลื่อนการเติบโตของมัน เพื่อให้แน่ใจว่าสกุลเงินนี้จะไม่เกิดภาวะเงินเฟ้อ โดยมีการแจกจ่ายอุปทานอย่างเต็มที่ ลักษณะที่กระจายอำนาจนี้ส่งเสริมสภาพแวดล้อมที่ผู้ใช้ได้รับการสนับสนุนให้ใช้ Kin สำหรับการชำระเงิน โดยมีโครงการต่างๆ เช่น การแจกจ่ายเหรียญฟรี (airdrop) เพื่อส่งเสริมการใช้งาน

การใช้งานของ Kin ขยายไปยังแพลตฟอร์มต่างๆ รวมถึงเว็บไซต์ แอปพลิเคชัน และเกม ซึ่งมันทำหน้าที่เป็นสื่อกลางสำหรับการชำระเงินขนาดเล็ก แพลตฟอร์มการชำระเงินทั่วโลกของ Code Inc. เป็นตัวอย่างที่ดี โดยช่วยให้ผู้สร้างเนื้อหาสามารถสร้างรายได้จากผลงานของพวกเขาด้วยธุรกรรมที่ต่ำเพียง $0.05 โดยไม่ต้องพึ่งพารูปแบบการชำระเงินแบบดั้งเดิม ในปี 2024 Code Inc. ได้รับเงินทุนเริ่มต้นจากบริษัทเงินร่วมลงทุนที่มีชื่อเสียงและผู้นำในวงการบล็อกเชน ซึ่งเน้นย้ำถึงศักยภาพของระบบนิเวศของ Kin

ความชัดเจนด้านกฎระเบียบเป็นอีกหนึ่งจุดเด่นของ Kin ดังที่แสดงโดยการตกลงกับ SEC ของ Kik Inc. ซึ่งยืนยันว่า Kin ไม่จำเป็นต้องลงทะเบียนเป็นหลักทรัพย์

เทคโนโลยีเบื้องหลัง Kin (KIN) เป็นการผสมผสานที่น่าสนใจของนวัตกรรมและการพัฒนาทางกลยุทธ์ เริ่มต้นเปิดตัวบนบล็อกเชน Ethereum ในรูปแบบโทเค็น ERC20 แต่ Kin ได้ย้ายไปยังบล็อกเชน Solana โดยใช้เทคโนโลยี SPL การเปลี่ยนแปลงนี้มีความสำคัญในการเพิ่มความสามารถในการขยายตัวและประสิทธิภาพของ Kin ทำให้สามารถทำธุรกรรมได้เกือบจะทันทีด้วยค่าธรรมเนียมที่น้อย โครงสร้างพื้นฐานของ Solana รองรับการประมวลผลที่สูงและความหน่วงต่ำ ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญสำหรับวิสัยทัศน์ของ Kin ในการยอมรับทั่วโลกในวงกว้าง

ธรรมชาติที่กระจายศูนย์ของ Kin เป็นรากฐานสำคัญของเทคโนโลยีของมัน แตกต่างจากระบบการเงินแบบดั้งเดิมที่ต้องพึ่งพาตัวกลาง Kin ช่วยให้สามารถทำธุรกรรมทั่วโลกได้โดยไม่ต้องมีการอนุญาต ซึ่งหมายความว่าผู้ใช้สามารถแลกเปลี่ยนมูลค่าได้โดยไม่ต้องมีหน่วยงานกลางในการอำนวยความสะดวกหรืออนุมัติธุรกรรม โมเดลที่กระจายศูนย์นี้ได้รับการเสริมด้วยข้อเท็จจริงที่ว่าอุปทานของ Kin ไม่มีการเพิ่มขึ้นและถูกแจกจ่ายอย่างเต็มที่ ทำให้ไม่มีการสร้างโทเค็นเพิ่มเติม ซึ่งช่วยรักษามูลค่าของมันในระยะยาว

ความปลอดภัยเป็นปัจจัยสำคัญของบล็อกเชนใด ๆ และ Kin ได้รับประโยชน์จากมาตรการความปลอดภัยที่แข็งแกร่งที่มีอยู่ในบล็อกเชน Solana Solana ใช้กลไกฉันทามติที่เป็นเอกลักษณ์ที่เรียกว่า Proof of History (PoH) ซึ่งเป็นการประทับเวลาให้กับธุรกรรมเพื่อสร้างลำดับเหตุการณ์ที่สามารถตรวจสอบได้ กลไกนี้เมื่อรวมกับ Proof of Stake (PoS) ช่วยป้องกันการโจมตีจากผู้ไม่หวังดีโดยทำให้การเปลี่ยนแปลงประวัติธุรกรรมหรือการควบคุมเครือข่ายมีค่าใช้จ่ายสูงและไม่สามารถทำได้จริง

ระบบนิเวศของ Kin ได้รับการสนับสนุนจากชุมชนผู้มีส่วนได้ส่วนเสียที่หลากหลายและอิสระ โมเดลการกำกับดูแลที่กระจายศูนย์นี้ทำให้ไม่มีหน่วยงานเดียวที่ควบคุมการพัฒนาหรือทิศทางของเศรษฐกิจ Kin แต่ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียจะมีความสอดคล้องทางเศรษฐกิจและมีแรงจูงใจร่วมกันในการขยายประโยชน์ใช้สอยของ Kin สร้างสภาพแวดล้อมที่ร่วมมือกันซึ่งมูลค่าที่สร้างขึ้นเป็นประโยชน์ต่อผู้เข้าร่วมทุกคน

การบูรณาการ Kin เข้ากับแพลตฟอร์มต่าง ๆ แสดงให้เห็นถึงการประยุกต์ใช้ในทางปฏิบัติ มันถูกใช้เป็นรูปแบบของสกุลเงินในเว็บไซต์ แอป เกม และบริการอิสระต่าง ๆ ตัวอย่างเช่น แพลตฟอร์มการชำระเงินทั่วโลกของ Code Inc. ช่วยให้ผู้สร้างเนื้อหาและนักพัฒนาสามารถสร้างรายได้จากงานของพวกเขาผ่านการชำระเงินขนาดเล็ก ซึ่งเปิดโอกาสใหม่ ๆ ในการสร้างรายได้โดยให้ผู้สร้างสามารถเรียกเก็บเงินจำนวนเล็กน้อย เช่น $0.05 สำหรับเนื้อหาของพวกเขา ซึ่งจะเป็นไปไม่ได้ในระบบการชำระเงินแบบดั้งเดิมเนื่องจากค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรมที่สูง

ภูมิทัศน์ทางกฎหมายสำหรับสกุลเงินดิจิทัลอาจซับซ้อน แต่ Kin ได้รับความชัดเจนในระดับที่สกุลเงินดิจิทัลอื่น ๆ หลายสกุลยังไม่ได้ ในปี 2020 Kik Inc. ผู้สร้าง Kin ได้บรรลุข้อตกลงกับ SEC ของสหรัฐอเมริกา ซึ่งสรุปว่า Kin ไม่จำเป็นต้องลงทะเบียนเป็นหลักทรัพย์ ความชัดเจนทางกฎหมายนี้ให้พื้นฐานที่มั่น

Kin (KIN) เป็นสกุลเงินดิจิทัลแบบกระจายศูนย์ที่ออกแบบมาเพื่ออำนวยความสะดวกในการทำธุรกรรมโดยไม่ต้องมีคนกลาง Kin เกิดขึ้นจาก Kik Inc. ในปี 2017 โดยเริ่มต้นบนบล็อกเชน Ethereum ก่อนที่จะย้ายไปยัง Solana ในปี 2020 การเปลี่ยนแปลงนี้ทำให้ Kin สามารถเสนอการทำธุรกรรมที่เกือบจะทันทีด้วยค่าธรรมเนียมที่ต่ำมาก ทำให้เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับการนำไปใช้ในวงกว้าง

หนึ่งในแอปพลิเคชันหลักของ Kin คือการเป็นสกุลเงินดิจิทัลในระบบนิเวศที่หลากหลายของแอป เว็บไซต์ และเกม มันช่วยให้ผู้สร้างเนื้อหาและนักพัฒนาสามารถสร้างรายได้จากงานของพวกเขาผ่านการชำระเงินขนาดเล็ก ตัวอย่างเช่น การใช้แพลตฟอร์มอย่าง Code Inc. ผู้สร้างสามารถเรียกเก็บเงินจำนวนเล็กน้อย เช่น $0.05 สำหรับเนื้อหาของพวกเขา ซึ่งระบบการชำระเงินแบบดั้งเดิมอาจไม่รองรับเนื่องจากค่าธรรมเนียมที่สูงกว่า สิ่งนี้เปิดโอกาสใหม่ในการสร้างรายได้และส่งเสริมการผลิตเนื้อหาดิจิทัล

Kin ยังมีบทบาทในการกระตุ้นการมีส่วนร่วมของผู้ใช้กับเนื้อหาดิจิทัล โดยการให้รางวัล Kin แก่ผู้ใช้ที่มีปฏิสัมพันธ์กับแอปหรือบริการ ธุรกิจสามารถสร้างฐานผู้ใช้ที่มีความกระตือรือร้นและมีส่วนร่วมมากขึ้น โมเดลนี้ไม่เพียงแต่เป็นประโยชน์ต่อผู้ใช้เท่านั้น แต่ยังเพิ่มคุณค่าให้กับนักพัฒนาและผู้สร้างเนื้อหาอีกด้วย

นอกจากนี้ Kin ยังอำนวยความสะดวกในการทำธุรกรรมแบบเพียร์ทูเพียร์ ทำให้บุคคลสามารถแลกเปลี่ยนมูลค่าได้โดยตรงโดยไม่ต้องมีอำนาจกลาง ความสามารถนี้มีประโยชน์อย่างยิ่งในภูมิภาคที่บริการธนาคารแบบดั้งเดิมมีข้อจำกัดหรือมีค่าใช้จ่ายสูง

นอกเหนือจากการใช้งานเหล่านี้ ความชัดเจนด้านกฎระเบียบของ Kin ซึ่งได้มาจากการตกลงกับ U.S. SEC ให้ระดับความมั่นใจที่ไม่ค่อยพบในพื้นที่สกุลเงินดิจิทัล ความชัดเจนนี้เมื่อรวมกับธรรมชาติแบบกระจายศูนย์ของมัน ทำให้ Kin เป็นผู้เล่นที่มีเอกลักษณ์ในเศรษฐกิจดิจิทัล โดยได้รับการสนับสนุนจากชุมชนผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทั่วโลกที่ร่วมกันลงทุนในความเติบโตและการใช้งานของมัน

Kin ซึ่งเป็นสกุลเงินดิจิทัลแบบกระจายศูนย์ ถูกนำเสนอในปี 2017 โดย Kik Inc. ซึ่งก่อตั้งโดย Ted Livingston ในตอนแรก Kin ได้เปิดตัวบนบล็อกเชนของ Ethereum โดยมีเป้าหมายเพื่ออำนวยความสะดวกในการทำธุรกรรมทั่วโลกโดยไม่ต้องมีตัวกลาง ในปี 2020 Kin ได้บรรลุหลักชัยสำคัญเมื่อย้ายไปยังบล็อกเชนของ Solana การเปลี่ยนแปลงนี้ทำให้ Kin สามารถใช้ประโยชน์จากความสามารถของ Solana ในการขยายขนาดอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้สามารถทำธุรกรรมได้เกือบจะทันทีด้วยค่าธรรมเนียมที่น้อยที่สุด และสอดคล้องกับแพลตฟอร์มที่ยั่งยืนและเป็นกลางทางคาร์บอนของ Solana

เหตุการณ์สำคัญในประวัติศาสตร์ของ Kin เกิดขึ้นในปี 2020 เมื่อ Kik Inc. ได้บรรลุข้อตกลงกับคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐอเมริกา (SEC) ข้อตกลงนี้ได้ชี้แจงว่า Kin ไม่จำเป็นต้องลงทะเบียนเป็นหลักทรัพย์ ซึ่งให้ความชัดเจนทางกฎระเบียบที่หายากในพื้นที่สกุลเงินดิจิทัล

ระบบนิเวศของ Kin ได้รับการสนับสนุนโดยชุมชนแบบกระจายศูนย์แทนที่จะเป็นหน่วยงานแบบรวมศูนย์ แนวทางที่ขับเคลื่อนโดยชุมชนนี้ส่งเสริมสภาพแวดล้อมที่ร่วมมือกัน ซึ่งผู้มีส่วนได้ส่วนเสียได้รับแรงจูงใจในการเพิ่มประโยชน์ใช้สอยของ Kin และขยายการยอมรับ การรวม Kin เข้ากับแพลตฟอร์มต่างๆ รวมถึงแพลตฟอร์มการชำระเงินทั่วโลกของ Code Inc. เป็นตัวอย่างของกรณีการใช้งานที่เพิ่มขึ้น แพลตฟอร์มนี้ช่วยให้ผู้สร้างเนื้อหาและนักพัฒนาสามารถสร้างรายได้จากงานของพวกเขาผ่านการชำระเงินขนาดเล็ก เสนอโอกาสในการสร้างรายได้ใหม่ที่โมเดลการชำระเงินแบบดั้งเดิมไม่สามารถรองรับได้เนื่องจากค่าธรรมเนียมสูง

ในปี 2024 Code Inc. ได้รับเงินทุนรอบเริ่มต้นจากบริษัทร่วมทุนที่มีชื่อเสียง เช่น USV และ M13 ร่วมกับผู้นำในอุตสาหกรรมบล็อกเชนอย่าง Anatoly Yakovenko, Raj Gokal และ Balaji Srinivasan การลงทุนนี้เน้นย้ำถึงความมั่นใจในศักยภาพของ Kin ในการปฏิวัติการชำระเงินดิจิทัลและการสร้างรายได้จากเนื้อหา

การเดินทางของ Kin ยังรวมถึงความก้าวหน้าทางเทคนิค เช่น การรวมเข้ากับ PIP และความพร้อมใช้งานของการแลกเปลี่ยนจาก Kin ERC20 เป็น Kin SPL การพัฒนาเหล่านี้สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของ Kin ในการปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานและประสบการณ์ของผู้ใช้ เพื่อให้มั่นใจว่าการทำธุรกรรมที่ราบรื่นในระบบนิเวศที่กำลังเติบโต

ธรรมชาติแบบกระจายศูนย์ของ Kin ทำให้มั่นใจได้ว่าการพัฒนาและการขยายตัวของมันขับเคลื่อนโดยชุมชนผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทั่วโลก ความเป็นอิสระนี้ทำให้เกิดระบบนิเวศที่มีความคล่องตัวและปรับตัวได้ ซึ่งความพยายามร่วมกันของผู้เข้าร่วมมีส่วนช่วยในการพัฒนาและความสำเร็จอย่างต่อเนื่องของสกุลเงินดิจิทัลนี้